วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Puma



Image result for พูม่าประวัติ
พูม่า (PUMA) เป็นหนึ่งในผู้นำของบริษัทผลิตรองเท้าและเสื้อผ้ากีฬาของโลก ประวัติศาสตร์ของ PUMA เริ่มต้นในปี 1924 เมื่อชาวเยอรมันชื่อ Rudolph Dassler ก่อตั้งบริษัทผลิตรองเท้ากับน้องชายของเขา Adolf (ผู้ก่อตั้ง Adidas) ชื่อว่า Gebrüder Dassler Schuhfabrik (แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Dassler Brothers Shoe Factory) โดยผลิตรองเท้าแตะใส่ในห้อง (Slippers Shoes) และรองเท้าใส่นอกบ้าน (Outdoor Shoes) เขาเห็นถึงความต้องการรองเท้ากีฬาในตลาด แม้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงปลายของทศวรรษที่ 20
ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกในปี 1928 พวกเขาได้รับความสนใจอย่างมากเพราะเกือบครึ่งของนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน ใส่รองเท้าของสองพี่น้อง Dassler ธุรกิจของครอบครัว Dassler เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในทศวรรษที่ 30 และยิ่งได้รับความนิยมอย่างมากในปี 1936 เพราะ Jessie Owens ที่ใส่รองเท้าของพวกเขาได้ 4 เหรียญทองโอลิมปิก
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งในปี 1948 เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในครอบครัว Dassler ทำให้สองพี่น้อง Rudolph และ Adolf แยกบริษัทออกเป็น 2 บริษัท โดย Rudolph ตั้งบริษัท Puma Schuhfabrik Rudolf Dassler ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ PUMA เดิม Rudolph ใช้ชื่อบริษัทใหม่ของเขาว่า “Ruda” มาจากอักษรสองตัวแรกของชื่อและนามสกุล Rudolf Dassler แต่หลักจากนั้นไม่นานถูกเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบันคือ PUMA ในขณะที่ Adolf ตั้งบริษัท Adidas ซึ่งมาจากชื่อเล่น “Adi” รวมกับตัวอักษร 3 ตัวแรกของนามสกุล “Das” ปัจจุบันทั้งสองบริษัทตั้งอยู่ในเมือง Herzogenaurach ประเทศเยอรมนี
PUMA เติบโตอยู่ต่อเนื้อภายใต้การนำของ Rudolph เขาคนแรกที่ได้นำนวัตกรรมใหม่หลายอย่างมาใช้กับรองเท้า PUMA เช่น การใช้พื้นรองเท้าวัสดุสังเคราะห์วัลคาไน (vulcanized soles) สำหรับรองเท้าฟุตบอล, การออกแบบรูปทรงของพื้นรองเท้าให้มีลักษณะเฉพาะ สำหรับรองเท้าวิ่ง ทำให้เพิ่มการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น, การใช้สายรัดที่เรียกว่า Velcro Strap สำหรับรองเท้ากีฬา และการแทนที่เชือกผูกรองเท้าแบบเดิมด้วย แผงยึดรองเท้าที่เรียกว่า Puma Disc System ในปี 197


Gucci


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติของกุชชิโอ กุชชี่

ประวัติผู้ก่อตั้ง  กุชชิโอ กุชชี่ (Guccio Gucci) เป็นผู้ก่อตั้งกิจการ Gucci โดยที่เริ่มต้นจากการผลิตและจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องหนัง จนกลายมาเป็นอาณาจักรสินค้าหรูภายใต้ชื่อ Gucci ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ในปี 1921 เริ่มต้นจากการทำงานในโรงแรมซาวอยู่ที่กรุงลอนดอน กุชชี่นั้นได้หลงใหลในความสวยงามของกระเป๋าเดินทางที่พบเห็นอยู่ทุกวัน จนในที่สุดเขาได้ตัดสินใจกลับไปยังบ้านเกิดที่ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และได้เปิดร้านผลิตเครื่องหนังเป็นของตนเอง เมื่อกิจการตกทอดสู่รุ่นลูก “อัลโด กุชชี” (Aldo Gucci) สินค้าภายใต้ชื่อ Gucci ก็ได้จำหน่ายไปทั่วโลก อัลโดเป็นผู้ตัดสินใจเปิดร้านกุชชีแห่งที่สองในกรุงโรมในช่วงทศวรรษ 1950 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในโรมแล้วอัลโดก็ตัดสินใจเปิดร้านสาขาแห่งใหม่ในนิวยอร์ก แม้จะถูกพ่อคัดค้านในระยะแรกก็ตาม

jordan

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ จอร์แดน รองเท้า ประวัติ


ตำนานของ Air Jordan เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Nike ได้เซ็นสัญญาสปอนเซอร์กับนักบาสเกตบอลหน้าใหม่ของ NBA ในตอนนั้นอย่าง Michael Jordan และออกแบบ Air Jordan I สีดำ/แดงขึ้นมาให้เขาใส่ลงแข่งในปี 1984 ซึ่งเป็นโทนสีที่เข้ากับสียูนิฟอร์มของ Chicago Bulls พอดี แต่ MJ เองไม่ค่อยชอบนักเพราะมันเป็นสีที่ “ดูเหมือนรองเท้าปีศาจ” ทั้งนี้ คณะกรรมการ NBA ยังสั่งแบนรองเท้าสีนี้เนื่องจากเป็นโทนสีที่ขัดต่อกฎการแต่งกายที่ต้องเป็นสีที่เข้ากับชุดและเข้ากับเพื่อนร่วมทีม(มีข้อมูลบางส่วนอ้างว่ารองเท้ารุ่นที่ NBA เห็นและสั่งแบนจริงๆ คือ Nike Air Ship สีเดียวกัน) และปรับ MJ เป็นเงิน 5,000 ดอลลาร์ทุกครั้งที่ใส่มันลงสนาม ซึ่ง Nike ก็ยินดีจ่ายและใช้โอกาสนี้ในการโปรโมทรองเท้ารุ่นดังกล่าวไปในตัว โดยมีนัยยะว่าผู้ที่ได้สวมใส่มันคือผู้ที่ไม่ยอมรับการแบนของ NBA อยู่กลายๆ (ต่อมาภายหลังมีการออกรุ่นพิเศษ Banned Air Jordan I ออกมาเพื่อเป็นที่ระลึกและประชดโดยเฉพาะอีกด้วย)
เมื่อ Air Jordan I วางจำหน่ายในปีต่อมาจึงประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างงดงาม

หลังจากนั้น Nike จึงออกแบบสี “Black Toe” และ “Chicago” ที่มีสีขาวมาร่วมผสมเข้าไปกับสีแดงและสีดำให้ MJ ใส่ลงสนามช่วงปี 1985-1986 ฟอร์มการเล่นของ MJ อันยอดเยี่ยมตอนที่ใส่รองเท้ารุ่นนี้ก็ยิ่งทำให้มันเป็นที่ต้องการมากขึ้น ทั้งตอนลงแข่งดังค์ครั้งแรกใน Slam Dunk Contest ปี 1985 และทำผลงานการดังค์ได้อย่างงดงาม(แถมยังใส่ทอง 2 เส้น อีกด้วย)แม้ว่าจะพลาดแชมป์รายการนี้ไปก็ตาม ในปีเดียวกัน MJ ได้รางวัล Rookie of The Year และตอนทำ 63 แต้มในการแข่ง playoff กับ Boston Celticsที่ทำให้ Larry Bird ถึงกับขนานนาม MJ ว่าเป็น “พระเจ้าที่สวมใส่รองเท้าบาสฯ” เลยทีเดียว
อ้างอิง https://en.wikipedia.org/wiki/Jordan


Adidas


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ adidas

อาดิดาส (Adidas) 

แบรนด์อุปกรณ์กีฬาที่หลายคนรู้จักกันดีก็คือ อาดิดาส (Adidas) ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่โด่งดังไปและแพร่หลายไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ โดยอาดิดาสจะผลิตเหล่าอุปกรณ์กีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋ากีฬา รองเท้า ผลิตภัณฑ์ที่คนรู้จักกันมากที่สุดก็คือรองเท้ากีฬา Adidas นั่นเอง ในปี ค.ศ. 2015 บริษัทอาดิดาสสามารถทำกำไรได้สูงถึง 650 ล้านดอลล่าสหรัฐ หรือ 23,640 ล้านบาทไทยทีเดียว น่าสนใจมากที่สามารถสร้างแบรนด์ได้ฮิตติดลมบนขนาดนี้ วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับประวัติของอาดิดาสกัน
ประวัติ Adidas
อาดิดาส (Adidas) เป็นยี่ห้อของสิ้นค้าที่เกี่ยวข้องกับกีฬา ต้นกำเนิดที่แท้จริงของแบรนด์เกิดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี โดยผู้ที่คิดค้นและเริ่มผลิตก็คือ อดอล์ฟ หรือ แอดดิ ดาสเลอร์ (Adolf, Adi Dassler) โดยเขาได้เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาคู่แรกของเขาเองในห้องซักผ้าภายในบ้าน ในปี ค.ศ.1920 หลังจากที่พี่ชาย รูดิ หรือ รูดอล์ฟ ดาสเลอร์ (Adolf, Adi Dassler) กลับมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สองพี่น้องก็ช่วยกันผลิตรองเท้ากีฬาที่มีชื่อแบรนด์ว่า “Dassler” ซึ่งก็มาจากนามสกุลของสองพี่น้องนั่นเอง และได้เปิดกิจการอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1924 โดยชื่อที่ก่อตั้งนั้นเป็นชื่อ Gebrüder Dassler Schuhfabrik (Dassler Brothers Shoe Factory)
รองเท้าดาสเลอร์เป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างรวดเร็วหลังจากที่ Adi ขอให้นักวิ่งชาวอเมริกันใส่รองเท้าตะปูของดาสเลอร์ลงแข่งวิ่งระยะสั้นในกีฬาโอลิมปิคเมื่อปี ค.ศ. 1936 และเจสซี่ โอเวนส์ ก็ได้เหรียญทองถึง 4 เหรียญในการแข่งขันในครั้งนั้น จนทำให้รองเท้า Dassler มียอดขายมากกว่า สองแสนคู่ต่อปี



s1000rR



S1000RR (BMW) 

BMW S1000RR ถือเป็นรถบิ๊กไบค์ซูเปอร์สปอร์ตในฝันของผู้ชายหลายๆคนอย่างแท้จริง ด้วยเรื่องของเครื่องยนต์ขนาดคลาส 1,000 ซีซี รูปทรงดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เทคโนโลยีต่างๆที่ทันสมัยก็ยัดเข้ามากับเจ้า เอ็มดับเบิ้ลยู เอส 1000 อาร์อาร์ คันนี้ก็ถือว่าสุดๆเหมือนกัน ด้านข้างของตัวรถแน่นอนว่าถ้ามองแว๊บแรกทุกคนจะต้องนึกถึงฉลามแน่นอน ด้วยแฟริ่งด้านข้างที่เหมือนเหงือกปลาฉลามจึงทำให้มีความรู้สึกเวลานั่งขับขี่ มันเท่ห์ ดุดัน ก้าวร้าว ถูกใจใครหลายๆคน แน่นอนว่าเจ้า เอ็มดับเบิ้ลยู เอส 1000 อาร์อาร์ ในประเทศไทยของเรานี้ก็ได้รับความนิยมมากเหมือนกัน ใครที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของก็รีบๆจับจองหามาขี่ รับรองว่าคุณจะไม่อยากลงจากเบาะนั่งเป็นแน่แท้